CGTN เผยแพร่บทความเกี่ยวกับความร่วมมือใหม่ด้านภาพยนตร์ระหว่างจีนกับสเปน ซึ่งตรงข้ามกับท่าทีของจีนที่ลดการนำเข้าภาพยนตร์จากสหรัฐฯ โดยแสดงให้เห็นถึงผลกระทบแบบทำลายตนเองจากสงครามภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ก่อให้เกิดผลร้ายในตลาดต่างประเทศที่ฮอลลีวูดทำกำไรได้สูงสุดและทำลายการครองตลาดในการค้าภาคบริการของประเทศออกไปในวงกว้างยิ่งขึ้น
ปักกิ่ง, April 14, 2025 (GLOBE NEWSWIRE) — ในระหว่างที่ Pedro Sanchez นายกรัฐมนตรีของสเปน เยือนจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านภาพยนตร์ ซึ่งถือเป็นการสร้างแรงผลักดันใหม่ไปยังการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในระดับทวิภาคี
จีนและสเปนจะกระชับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงความร่วมมือในการเข้าร่วมงานเทศกาล การฉายภาพยนตร์ร่วมกัน การร่วมผลิต และการแลกเปลี่ยนบุคลากร ทั้งนี้เป็นไปตามบันทึกความเข้าใจที่ลงนามระหว่างสำนักงานภาพยนตร์แห่งชาติของจีนและสถาบันการถ่ายทำภาพยนตร์และศิลปะโสตทัศนูปกรณ์ของสเปน
ความร่วมมือที่มากขึ้นระหว่างจีนกับสเปนในด้านภาพยนตร์ แสดงถึงจุดยืนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับประกาศของปักกิ่งว่าด้วยแผนการลดจำนวนภาพยนตร์นำเข้าจากสหรัฐฯ ในระดับปานกลาง
โฆษกของสำนักบริหารภาพยนตร์แห่งประเทศจีนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การปรับเปลี่ยนดังกล่าวเป็นไปตามหลักการตลาด และสะท้อนถึงสิ่งที่ผู้ชมต้องการมากกว่า เนื่องจากการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนครั้งล่าสุดของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความสนใจของผู้ชมชาวจีนที่มีต่อภาพยนตร์สหรัฐฯ
หลังจากจีนได้ส่งสัญญาณที่จะลดการนำเข้าภาพยนตร์ฮอลลีวูด หุ้นของบริษัทภาพยนตร์และสื่อใหญ่หลายรายของสหรัฐฯ ก็ร่วงลงอย่างหนัก โดยจะเห็นได้ว่าหุ้นของบริษัท Walt Disney และ Warner Bros. Discovery, Inc. ลดลง 6.79 และ 12.53 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ
นักวิเคราะห์ให้เหตุผลว่าการลดลงนี้เป็นผลมาจากความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นว่าจะถูกเขี่ยออกจากตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภาพยนตร์ของสหรัฐฯ เข้าฉายในจีนรวม 63 เรื่องในปี 2018 และ 52 เรื่องในปี 2019 ซึ่งสร้างรายได้รวมกัน 19,900 ล้านหยวน (2,720 ล้านดอลลาร์) และกวาดไปมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ภาพยนตร์ทั้งหมดจากต่างประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในผลประกอบการที่ดีที่สุดสำหรับภาพยนตร์สหรัฐฯ ในบ็อกซ์ออฟฟิศของจีน
ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ไปจนถึงการเงินและเทคโนโลยี รัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump แห่งสหรัฐฯ ล้มเหลวในการยอมรับการเกินดุลการค้าจำนวนมหาศาลในภาคบริการกับพันธมิตรทางการค้าเมื่อตัดสินใจตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าโดยข้ออ้างว่าเป็นไปเพื่อลดการขาดดุลการค้า
สหรัฐอเมริกาเป็นแหล่งขาดดุลการค้าภาคบริการที่ใหญ่ที่สุดของจีน ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์แห่งสหรัฐฯ การส่งออกภาคบริการของสหรัฐฯ ไปยังจีนพุ่งสูงขึ้นจาก 5,630 ล้านดอลลาร์ในปี 2001 มาเป็น 46,710 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 นับได้ว่าเพิ่มขึ้น 7.3 เท่า ในขณะที่การเกินดุลการค้าภาคบริการประจำปีพุ่งสูงขึ้น 11.5 เท่าเป็น 26,570 ล้านดอลลาร์ โดยแตะระดับสูงสุดที่ 39,700 ล้านดอลลาร์ในปี 2019
ความตึงเครียดด้านการค้าที่ยังคงดำเนินอยู่ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรทางการค้า อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อการค้าภาคบริการได้ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เตือนว่าสหภาพยุโรปพร้อมที่จะยกระดับสงครามการค้าโดยกำหนดเป้าหมายไปที่ภาคบริการของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่สหรัฐฯ เกินดุลการค้ากับยุโรปอย่างมาก หากการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากรล้มเหลว
ในบทสัมภาษณ์กับ Financial Times ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป von der Leyen ชี้ชัดไปที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ว่าอาจเป็นจุดกดดันได้ โดยส่งสัญญาณถึงความพร้อมของกรุงบรัสเซลส์ที่จะเรียกเก็บภาษีโฆษณาดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทต่าง ๆ อย่างเช่น Meta, Google และ Facebook
ความร่วมมือระหว่างจีนกับสเปนครั้งล่าสุดในด้านภาพยนตร์นี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการเปิดกว้างอย่างยั่งยืนและความเต็มใจที่จะแบ่งปันโอกาสทางการตลาดกับพันธมิตรทั่วโลก
นายกรัฐมนตรีจีน Li Qiang และนายกรัฐมนตรีสเปน ซึ่งเป็นพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และนวัตกรรมเทคโนโลยี ร่วมกันสนับสนุนการค้าเสรีและความร่วมมือแบบเปิดกว้าง ตลอดจนยึดมั่นในพหุภาคีนิยม
ข้อมูลการติดต่อ: CGTN อีเมล: cgtn@cgtn.com
GlobeNewswire Distribution ID 9421732